ไข้เลือดออก: กรมควบคุมโรคเผยผู้ป่วยเพิ่มจากปี 61 เกือบสองเท่า แนะป้องกันยุงกัด-กำจัดยุงลาย
สถานการณ์การระบาดของไข้เลือดออกในปีนี้น่าเป็นห่วง โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยแล้ว 35,482 คน เสียชีวิต 54 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ถึงเกือบสองเท่า
พญ.ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยว่า มีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกปีนี้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยมัธยฐานของจำนวนผู้ป่วยใน 5 ปีที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติของปี 2561 พบว่าระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน มีผู้ป่วย 22,539 ราย แต่ในปีนี้มีผู้ป่วยมากถึง 35,482 ราย
- ยุงเบื่ออาหารกินเลือดคนน้อยลง หลังโดนวางยาลดความอ้วน
- เด็กติดเชื้อมาลาเรีย “ส่งกลิ่นหอมหวาน” ล่อยุงให้เข้ามากัดมากขึ้น
- ไข้หวัดทุกสายพันธุ์ป้องกันได้ เมื่อใช้วัคซีนเลียนแบบภูมิต้านทานของลามา
สถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกในปีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทยเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา พม่า รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ก็พบการระบาดของโรคไข้เลือดออกเช่นเดียวกัน และจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกในทุกประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีเช่นเดียวกัน
พญ.ชีวนันท์กล่าวว่า ไข้เลือดออกมีลักษณะการระบาดปีเว้นปี หรือ 1 ปีเว้น 2 ปี ซึ่งปี 2562 ก็เป็นปีที่ทางกรมควบคุมโรคพยากรณ์ว่าจะระบาดหนัก
"จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2561 แล้ว ทำให้เราคาดได้เลยว่าพอเข้าปี 2562 ต้องเพิ่มขึ้น เราคาดว่าปีนี้จะมีผู้ป่วยกว่า 1 แสนราย แต่จะตั้งเป้าไม่ให้เกินนี้"
ปัจจัยหลักที่จะสามารถหยุดยั้งสถานการณ์ระบาดของโรคไข้เลือดออกได้ คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและป้องกันตัวเองไม่ให้ยุงกัด หากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานรัฐและประชาชนร่วมมือกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายก็จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่คาดว่าจะเยอะในปีที่ระบาดได้ พญ.ชีวนันท์กล่าว
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่มีอัตราป่วยไข้เลือดออกสูงสุด คือ 66.62 ต่อประชากรแสนคน ส่วนหนึ่งเพราะเป็นภาคที่มีประชากรอยู่มาก รองลงมา คือ ภาคใต้ ภาคกลางและภาคเหนือ
จังหวัดที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 10 อันดับแรกในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้แก่ อุบลราชธานี ตราด บึงกาฬ นครราชสีมา มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ จันทบุรี เลย และเพชรบูรณ์
อาการไข้เลือกออกต่างจากไข้หวัดใหญ่
ด้วยอาการของโรคที่มีความคล้ายคลึงกันระหว่างโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ ประชาชนบางส่วนจึงแยกไม่ออกเมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออก พญ.ชีวนันท์ อธิบาย
"สองโรคนี้มีอาการคล้ายกันตรงที่มีไข้สูง แต่ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่เราจะสังเกตได้ว่านอกจากมีไข้แล้วจะมีน้ำมูกและไอร่วมด้วย เมื่อนอนพักผ่อนไข้ก็อาจจะลดลง แต่ถ้าเป็นไข้เลือดออก จะไม่ค่อยมีน้ำมูกไหลหรือไอ แต่จะมีอาการปวดท้องอาเจียน ถ่ายเหลวหรือท้องเสีย"
แต่ในผู้ป่วยบางรายก็เป็นทั้งไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นหากมีอาการไข้สูงลอยนานกว่า 2 วัน แนะนำให้ควรไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการโดยละเอียดดีที่สุด พญ.ชีวนันท์กล่าว
ไข้เลือดออกกลายพันธุ์ได้หรือไม่
ด้วยสถานการณ์ไข้เลือดออกที่รุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีกรณีผู้ป่วยไข้เลือดออกที่เป็นข่าวใหญ่อย่าง "ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์" พระเอกชื่อดังที่เสียชีวิตจากการป่วยเป็นไข้เลือดออกเมื่อปี 2559 จึงมีบางคนสงสัยว่าความรุนแรงของโรคเกิดจากเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์หรือไม่
"ไข้เลือดออกไม่ได้กลายพันธุ์" คือคำยืนยันของ พญ.ชีวนันท์ พร้อมทั้งขยายความว่า "ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสไข้เลือดออกซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์ โดยทางการแพทย์เรียกว่าสายพันธุ์ที่ 1 2 3 และ 4 ซึ่งทำให้เกิดอาการรุนแรงต่างกัน โดยผู้ป่วยที่มีอาการหนักส่วนใหญ่จะติดเชื้อไข้เลือดออกชนิดรุนแรงสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ส่วนสายพันธุ์ที่ 3 และ 4 จะมีความรุนแรงน้อย"
วิธีป้องกัน
ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงแนะนำว่า วิธีการป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการป้องกันตัวเอง คือ ไม่ให้ยุงกัด หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มียุงชุกชุม หรือใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง
การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สำคัญ เริ่มจากการกำจัดภาชนะที่มีน้ำขัง เช่น กล่องโฟม ภาชนะที่ไม่ใช้แล้ว จานรองกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่พบมากในต่างจังหวัด แจกันบนศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมักมองข้าม
พญ.ชีวนันท์อธิบายว่า การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายควรทำทุก 1 สัปดาห์ เพราะวงจรชีวิตของยุงจะใช้เวลา 7 วัน พัฒนาจากลูกน้ำเป็นตัวเต็มวัย ดังนั้นหากไม่กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ทุกสัปดาห์ ก็จะมียุงตัวเต็มวัยเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
"เราต้องดูว่าในปีนี้เราช่วยกันควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าทำได้ดี ในปีหน้าก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะลดลง แต่ถ้ายังคุมไม่ได้ โอกาสที่ปีหน้าจะระบาดก็ยังมีอยู่"
ชิคุนกุนยา อีกหนึ่งโรคหน้าฝนที่ต้องเฝ้าระวัง
โรคไข้เลือดออกไม่ใช่โรคเดียวที่มียุงลายเป็นพาหะ อีกโรคหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงหน้าฝน คือ โรคชิคุนกุนยา ซึ่งหากมาตรการกำจัดยุงลายและป้องกันยุงกันได้ผลดี ก็สามารถป้องกันทั้งโรคไข้เลือดออก โรคชิคุนกุนยา รวมถึงไวรัสซิก้าได้ในเวลาเดียวกัน
"ชิคุนกุนยาอาจจะไม่รุนแรงถึงชีวิตแต่ว่า ผู้ป่วยบางคนอาจจะปวดข้ออยู่นานหลายเดือนหรือเป็นปี โรคชิคุนกุนยาระบาดมากทางภาคใต้ และยังพบได้ในภาคเหนือและภาคอีสานด้วย ซึ่งช่วงนี้พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในบางจังหวัด เช่น จ.ราชบุรี" พญ.ชีวนันท์ให้ข้อมูล
- อาการหวัดจะรุนแรงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแบคทีเรียในจมูก
- มาลาเรีย: กลายพันธุ์อย่างไรจนเป็นเพชฌฆาต
- ไข้ลัสสา : โรคคร่าชีวิตที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
กรมควบคุมโรค อธิบายอาการผู้ป่วยชิคุนกุนยาไว้ว่า มีไข้สูงเฉียบพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย อาจมีอาการคันร่วมด้วย บางรายอาจมีตาแดง สิ่งที่ต่างจากโรคไข้เลือดออก คือไวรัสชิคุนกุนยาจะไม่ทำให้พลาสมาหรือน้ำเลือดรั่วออกนอกเส้นเลือด ส่วนใหญ่จึงไม่ทำให้ผู้ป่วยช็อก แต่ทำให้ผู้ป่วยทรมานจากอาการปวดตามข้อและข้ออักเสบ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า โดยเปลี่ยนตำแหน่งการปวดไปเรื่อย ๆ การรักษามีเพียงประคับประคองตามคำแนะนำของแพทย์ ได้แก่ การให้ยาลดไข้ แก้ปวด การให้สารน้ำให้เพียงพอ และดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ